วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

           สวัสดีค่าาา ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งภาษาจาวา ภาษาแห่งความวิเศษที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถแปลออกได้ ก็มาอ่านกันนะคะว่าภาษาจาวาคืออะไร และเราก็มีเพลงเพลินๆมาประกอบในการอ่านกันด้วยนะ อ่านให้จบก่อนน้าอย่าพึ่งเต้นกันซะก่อนล้าาา

ภาษาJAVA

          Java หรือ Java programming language คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ สำหรับเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส (C++) ภาษานี้มีจุดเด่นอยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของเราได้ 


องค์ประกอบ JAVA
  • จาวา เป็นภาษาที่อิสระในเรื่องของรูปแบบ ในการพิมพ์ source code เราจะย่อหน้าหรือไม่ย่อหน้า จะวรรคกี่เคาะ โปรแกรมก็รันได้เหมือนเดิม
  • จาวา มีองค์ประกอบและไวยากรณ์คล้าย C และ C++
  • Primitive Data Types มี boolean, byte, short, char, int, float เราก็เลือกใช้ให้เหมาะสม โปรแกรมจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Operators แต่ละคู่นี้ต้องเขียนหรือพิมพ์ติดกัน :  ==,   !=,   <=,   >=,   &&,   ||

ลักษณะและไวยากรณ์ของ JAVA

 Comments มี 3 แบบ

      // 
/*             */
      /**           */

อันที่จริงเราไม่ใช้ Comment เลยก็ได้ เพราะมันเป็นแค่หมายเหตุ หรือคำอธิบายเท่านั้น คอมฯ ไม่นำมาประมวลผลเลย แต่สำหรับโปรแกรมเมอร์ระดับอาชีพ เขียนโปรแกรมใหญ่ๆ บางบรรทัด บางบล็อกของโค้ดที่สำคัญเขาจะทำ Comment ไว้กันลืม ง่ายต่อการแก้ไขปรับปรุงใน 3 ปี 5 ปี ข้างหน้า เป็นต้น หรือแม้แต่เจอ bug ในปัจจุบันก็จะหาสาเหตุของ bug ได้ง่ายขึ้น
  • เครื่องหมายสำคัญ
           ;                 เรียกว่า statement separator
     {            }        เรียกว่า statement grouper

โครงสร้างคุมโปรแกรม

  • การเขียนโปรแกรมเรียกว่า coding
  • โปรแกรมประกอบด้วยหลายๆ statements (ประโยคคำสั่ง)
  • แต่ละ statement สิ้นสุดด้วยเครื่องหมาย  ;  (semicolon)
  • โดยทั่วไป โปรแกรมทำงานอะไรก่อน อะไรหลัง จะเป็นไปตามลำดับเดียวกันกับลำดับของ statements ในโปรแกรมนั้น
  • ในบางกรณีที่เราไม่ต้องการให้โปรแกรมทำงานตามลำดับเดียวกันกับลำดับของ statements เราก็ต้องใช้ if, if…else, switch…case, และ loopsเช่น for, while, do…while เพื่อข้ามบาง statements ไป
  • การเขียน loops ถ้าเขียนผิด อาจรันวนไม่หยุด (เรียกว่า infinite loop) จงกด Ctrl+C ให้หยุด แล้วแก้ไข
METHOD

          Method คือ บล็อกหรือกลุ่มของโค้ด สั่งให้คอมทำอะไรสักอย่าง คำ Method ในภาษา Java ตรงกับคำ Function หรือ Procedure ในภาษาอื่นๆ

การเรียกใช้ Method

Methods ต่างๆ เมื่อเราเขียนขึ้นแล้วมันก็จะอยู่เฉยๆอย่างนั้น
ถ้าเราต้องการให้มันทำงานก็มี 3 วิธี ดังนี้

1) สร้าง variable เพื่อรับค่าส่งกลับของ method
ตัวอย่าง     int larger = max(3, 4);

หรือ

2) ใช้ statement
ตัวอย่าง     System.out.println(“Hello World!”);

หรือ

3)กด ดับเบิลคลิก แดรก 
ตัวอย่าง    public void actionPerformed(ActionEvent event) //เมธอดนี้ทำงานเมื่อผู้ใช้คลิกปุ่ม

ละก็มาถึงข้อดี ข้อเสียของภาษาจาวากันนะคะ

ข้อดีของภาษาจาวา
  1. เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมที่ซับซ้อน และนำคำหรือชื่อต่างๆในระบบงานนั้นมาใช้ออกแบบโปรแกรม ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
  2. สามารถทำงานได้ในระบบที่แตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
  3. ภาษานี้มีความซับซ้อนน้อย ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า และลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
  4. ภาษานี้มีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรมได้ และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
  5. ภาษานี้มีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมอื่น
  6. มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้
ข้อเสียของภาษาจาวา
  1. ทำงานได้ช้ากว่าโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาอื่น


เราก็ขอจบภาษาจาวาลงเพียงเท่านี้นะคะ เอาไว้ติดตามกันวีคหน้าค้า

ที่มา : https://nongtha57.wordpress.com/power-point-java/


วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โซเชียลเน็คเวิร์คกับนักเรียนและสังคมไทย


         โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Hi5, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)  การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ (Share) ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้  เช่น  แสดงความคิดเห็น (Comment)  กดไลค์ (Like) ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการ  ความโดดเด่นในเรื่องความง่ายของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ทำให้ธุรกิจ และนักการตลาดสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ
ข้อดีของโซเชียลเน็ตเวิร์ค

1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้ 

2.เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ

3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว

4. เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น 

5. ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

6. ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น 

7. คลายเคลียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ 

8. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้ 

ข้อเสียของโซเชียลเน็ตเวิร์ค

1.เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
2. Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
3. เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น 
4. ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้ 
5. ผู้ใช้ที่เล่น social network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้
6. ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้

7. จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network

โซเชียลเน็ตเวิร์คที่นิยมใช้กันในสังคม

1. Facebook – เชื่อว่าตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเฟสบุ๊ค แบรนด์ใหญ่ต่างๆมีการสร้างแฟนเพจเพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า เช่น ให้คนกดติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ของตัวเองโดยการกด Like ที่เพจนั้นเอง

2. Line –  แอฟพลิเคชั่นแชทยอดฮิต ที่ปัจจุบันในไทยมีผู้ใช้งานมากกว่า 33 ล้าน มีจุดเด่นคือเป็นเจ้าแรกที่สามารถส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆให้คนอื่นได้ ในมุมของการตลาด นอกจาก Line จะอนุญาติให้แบรนด์ต่างๆสร้างสติ๊กเกอร์แบรนด์ของตัวเอง ก็ยังมี Official Account ซึ่งเป็นอีกช่องทางนึงที่แบรนด์สามารถส่งข้อมูลข่าวสารให้กับผู้ติดตามตนเองได้มากยิ่งขึ้น
3. Twitter  – โซเชียลมีเดียที่ขึ้นชื่อว่าใช้งานง่ายที่สุด เพราะถึงแม้ว่าจะพิมพ์ข้อความได้เพียง 140 ตัวอักษร แต่นั้นก็ช่วยกลั่นกรองให้ผู้เขียนพิมพ์เฉพาะใจความสำคัญลงไป ทำให้ข้อความที่ส่งออกไปนั้นกระชับ และง่ายต่อการอ่าน
4. Youtube  – เว็บไซต์บริการที่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์วีดีโอให้ผู้อื่นดูได้ โดยที่ยูทูปจัดเป็น 1 ในเว็บไซต์สำคัญสำหรับนักการตลาด ที่เราสามารถโฆษณาวีดีโอคอนเท้นท์ของเราให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้
5.Instagram – โซเชียลมีเดียที่เราสามารถอัพโหลดรูปภาพต่างๆและแชร์ให้กับผู้ติดตามของเราได้ โดยที่แบรนด์ต่างๆสมัยนี้ก็นิยมใช้ Instagram เป็นสื่อกลางเพื่อโปรโมทและให้ข้อมูลข่าวสารกับผู้ติดตามเช่นเดียวกัน
6. Snapchat  – แอฟพลิเคชั่นที่เราสามารถแชร์รูป วีดีโอ ให้กับผู้อื่นได้ โดยเราสามารถตั้งเวลาได้ว่าจะให้รูปนั้นโชว์กี่วินาที เมื่อครบเวลาที่กำหนดรูปนั้นก็จะถูกลบออกทันที
7. Whatsapp  – แอฟพลิเคชั่นแชทยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานปัจจุบันมากกว่า 700 ล้านคนทั่วโลก
8. LinkedIn  – Platform ที่เน้นในเรื่องของการทำธุรกิจโดยตรง เป็นทั้ง Business Community ที่อัพเดทข่าวสาร และยังช่วยให้บริษัทสามารถว่าจ้างบุลคากรที่มีประสิทธิภาพมาเข้าร่วมทำงานกับบริษัทได้
9. LinkedIn Pulse – Pulse ของ LinkedIn ซึ่งเป็นช่องทางที่คนสามารถแชร์ไอเดียใหม่ๆ และติดตามผู้นำความคิด (Thought Leader) ในอุตสาหกรรมนั้นๆได้
10. Pinterest  –  เว็บที่เป็นเหมือน Inspiration Board ให้กับคนหลายๆคน เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง มีฟังก์ชั่นให้เราสามารถแชร์รูปภาพ ความคิดสร้างสรรค์เจ๋งๆ ให้กับคนอื่น โดยผู้ใช้สามารถ “Pin” ข้อมูลเหล่านั้นเก็บไว้เป็นหมวดๆได้
11. Google+  –  แพลดฟอร์มน้องใหม่จาก Google ที่รวมบริการต่างๆของ Google เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้ใช่งานนั้นสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังสามารถให้ผู้ใช้งานสร้างคอนเท้นท์ต่างๆ  แชร์ข้อมูลแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใน Circles ที่ตนเองสร้างได้
12. Vine – โซเชียลมีเดียที่มีจุดเด่นในการแชร์วีดีโอคอนเท้นท์สั้นๆ ไม่เกิน 6 วินาที ทำให้ข้อมูลต่างๆจะสื่อสารกับผู้ใช้นั้น ถูกผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดี เพื่อที่จะใช้ 6 วินาทีนั้นให้คุ้มค่าที่สุด
13. Xing – เป็นเว็บไซต์หางานที่ดีเว็บไซต์นึง สามารถช่วยให้เราพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ว่าจ้าง และ ผู้นำความคิดในธุรกิจนั้นๆได้
14. Renren  – โซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีการใช้งานจะคล้ายกับ Facebook คือผู้ใช้สามารถแชร์ความเห็นของตัวเอง อัพเดทสเตตัส และติดต่อกับผู้อื่นได้
15. Disqus  –  เป็น Tool ที่ให้เราสามารถใช้รับมือกับ feedback คอมเม้นต่างๆ และสแปม บนเว็บไซต์ของเรา อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถสร้าง social engagement กับลูกค้าได้อีกด้วย
16. Tumblr  –  เว็บบล๊อกที่มีจุดเด่นตรงที่ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพเคลื่อนไหว ภาพ gif ลงไปได้ ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Facebook ที่ไม่รองรับฟังก์ชั่นนี้
17. Twoo  –  เว็บไซต์หาคู่ที่ช่วยให้ผู้ใช้พบปะผู้คนใหม่ๆ จับกลุ่มเป้าหมายอายุ 25 ปี หรือต่ำกว่า จากทั่วโลก
18. MyMFB  – โซเชียลมีเดียของมุสลิม มีฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆเหมือน Facebook โดยมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน เข้าเป็นแพลตฟอร์มเดียว
19. vk.com – โซเชียลมีเดียสัญชาติรัสเซีย โดยที่เราสามารถตั้งโปรไฟล์ ส่งข้อความได้ มีวิธีการใช้งานแทบจะไม่ต่างจาก Facebook เลย
20. Meetup – แพลทฟอร์มที่ช่วยให้เราสามารถพบปะกลุ่มคนใหม่ๆที่มีความสนใจและความชอบเหมือนๆเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเหมือนกับเรา ทำให้เราได้มีเพื่อนเพิ่มในวงที่กว้างขึ้น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network
ที่มา : http://www.brandbuffet.in.th/2015/04/best-20-social-media-2015
http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/tech03/26/benefit.html
       

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บุฟเฟต์เค้ก Bake a wish

บุฟเฟ่ต์เค้ก Bake a wish Japanese Homemade Cake

Bake a wish สาขานี้ตั้งอยู่ด้านหลังเมเจอร์รัชโยธินนะคะ ร้านอยู่ตรงข้าม Mr.Shake เลย

ภาพหน้าร้านค่ะ


ร้านเปิดให้ทานบุฟเฟ่ต์ เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์นะคะ วันที่เราไปเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์เค้าก็เปิดค่ะ เพื่อความแน่ใจ ถ้าจะไปตรงกับวันหยุดลองโทรถามทางร้านอีกทีก็ได้ ที่ป้ายหน้าร้านบอกให้เริ่มทานบุฟเฟ่ต์ได้ตั้งแต่เที่ยง แต่พอไปถึงเค้าให้เริ่มจริงๆ 12.30 น. คนที่มารอร้านเปิดก็ไม่เยอะมากค่ะ ทางร้านไม่มีบริการโทรจองคิวล่วงหน้าแบบสาขาสุขสวัสดิ์นะคะ


พอเข้าไปในร้านก็ไปที่แคชเชียร์ก่อนนะคะ เราต้องจ่ายเงินก่อนเข้าไปทานค่ะ ค่าเสียหายคนละ 350 บาท อย่าเดินดุ่มๆเข้าไปนั่งเลยนะ บางทีโต๊ะเต็มอยู่ต้องรอคิวก่อน ที่เห็นหน้าร้านว่างๆเหมือนไม่มีคิว นั่นก็เพราะถ้าเราไปถึงร้านแล้วโต๊ะเต็มพนักงานเค้าจะจดชื่อและเบอร์โทรเราเอาไว้โทรเรียกค่ะ เวลาที่ให้ทานก็ 90 นาที

จ่ายเงินเสร็จนั่งโต๊ะ จะมีเมนูและใบสั่งทั้งของหวานและเครื่องดื่มให้เราติ๊กแล้วไปยื่นที่เคาท์เตอร์ เครื่องดื่มสั่งได้คนละแก้ว ถ้าจะสั่งเพิ่มต้องกินแก้วเก่าให้หมดก่อนนะคะ ส่วนแบบเป็นdish สั่งได้หมดเลยกี่จานก็ได้ แต่ถ้ากินไม่หมดเค้าปรับน้า อ้อมีน้ำเปล่าด้วย แต่ต้องเดินไปขอที่เคาท์เตอร์เองนะคะ

เมนู 1



เมนู 2



เครื่องดื่ม 1



เครื่องดื่ม 2


นอกจากนี้ยังมีเค้กที่ตู้โชว์ให้ไปเลือกกันได้ตามสบาย



มาดูที่เรากินกันในวันนี้ดีกว่าค่ะ เราเน้นแบบสั่งเป็นจานมาทานมากกว่าเค้กชิ้นๆนะคะ แนะนำว่าถ้าอยากทานหลายๆจาน แบบหลากหลายแต่ไม่เยอะจนเกินไปให้เขียนต่อท้ายในใบสั่งแต่ละเมนูว่า "ย่อ" ค่ะ พนักงานเค้าจะทำจานไซส์เล็กลงกว่าที่ทำขายปกติมาให้เราค่ะ

Lava Cheese (เป็นแผ่นเครป ข้างในมีชีสเค้ก ราดหน้าด้วยซอสสตรอเบอรี่)



Chocolate Chou Ice Set (คุกกี้ชูครีมสอดไส้ไอศครีม)



Uji Matcha Crepe Cake (เครปเค้กรสชาเขียว)



Blueberry Cheesecake Crepe (เครปเค้ก ท๊อปด้วยชีสเค้ก เสิร์ฟกับซอสบลูเบอร์รี่)



Blue Valentine (ไอศครีมวนิลา กับผลไม้)



มาการองชาไทย บานอฟฟี่ นิวยอร์คชีสเค้ก และสโนว์ควีนค่ะ



Bloody Marry (ซ่าๆ แก้เลี่ยนได้ดีค่ะ)


Peach & Plum

หมดแล้วค่ะ

เราว่ากินบุฟเฟ่ต์เค้กของที่นี่เสร็จแล้วไม่เลี่ยนจนเกินไป เหมือนเจ้าอื่นๆที่กินเสร็จแล้วต้องโหยหาส้มตำเพราะครีมมันค่อนข้างเบา รสชาติไม่หวานมาก ทุกอย่างที่กินมานี่อร่อยหมด ไม่มีอะไรไม่อร่อยเลย บางอย่างอาจจะเฉยๆ เพราะอิ่มแล้ว แต่โดยรวมโอเคเลยค่ะ

ที่มา : http://m.pantip.com/topic/33733882?
  

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน



            ในชีวิตประจำวันเราต้องเจอกับเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเลยครับ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีผลกับเรา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนในโรงเรียนจะมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น ในการแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมก็จำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น จะเห็นว่าเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา

รูปแสดงสื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูล
ภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจำกัดในการจัดเก็บ การเรียกใช้ การประมวลผล และการคิดคำนวณ ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการสารสนเทศ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำได้มาก สามารถให้ข้อมูลได้แม่นยำและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา ทำงานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย และยังส่งข้อมูลไปได้ไกลและรวดเร็วมาก เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ ทำให้เกิดงานบริการที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม การจองตั๋วดูภาพยนตร์ การลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน

รูปแสดง การประมวลผลให้ออกมาในรูปเอกสาร
การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์มีมาก สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ เป็นรูปภาพ ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นวีดิทัศน์ เป็นต้น

รูปแสดง การแสดงผลลัพท์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
การทำสำเนา เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การทำสำเนาจะทำได้ง่าย และทำได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอุปกรณ์ช่วยในการทำสำเนา จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เรามีเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จานบันทึก ซีดีรอม ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก

เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมุลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้

ที่มาเนื้อหา :  https://kewalinkaewwijit.wordpress.com
ที่มารูปภาพ :  http://esgato77.blogspot.com